หลายคนทำงานหน้าคอมพิวเตอร์วันละไม่ต่ำกว่า 6-8 ชั่วโมง แค่ขยับคอ เอียงไหล่ หรือยืดตัวเล็กน้อย ก็มีเสียง “ก๊อบแก๊บ” ตามมา อาการปวดหลัง ตึงคอ ตึงไหล่ แขนชา หรือแม้แต่ตาพร่ามัว กลายเป็นเรื่องที่เราคิดว่า “มันคงเป็นเรื่องธรรมดาของคนทำงาน” ทั้งที่จริงแล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณของ “ออฟฟิศซินโดรม” ซึ่งไม่ควรมองข้าม
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) ไม่ใช่โรค แต่เป็นกลุ่มอาการที่เกิดจากพฤติกรรมซ้ำ ๆ โดยเฉพาะท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น นั่งหลังค่อม พิงพนักเก้าอี้ผิดจุด ไม่เปลี่ยนอิริยาบถนานเกินไป หรือใช้คอมพิวเตอร์ในระดับที่ไม่สัมพันธ์กับสายตา
อาการที่พบได้บ่อย เช่น ปวดต้นคอ บ่า ไหล่ อาการชามือ ปวดร้าวลงแขน ปวดหลังเรื้อรัง ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว รู้สึกเหนื่อยล้าโดยไม่มีสาเหตุ
เมื่อร่างกายตึง เคลื่อนไหวไม่ดี ระบบไหลเวียนเลือดก็ช้าลง การหายใจก็ตื้นลง และพลังงานในแต่ละวันก็ดูจะลดลงตามไปด้วย
โยคะไม่ได้แค่ “ยืดเส้น” แต่ยังช่วยปรับสมดุลทั้งร่างกายและจิตใจ ส่งเสริมการหายใจลึกและมีสติ ช่วยให้ระบบประสาทอัตโนมัติคลายตัว ลดความเครียดจากการทำงาน และคืนความเคลื่อนไหวตามธรรมชาติกลับสู่ร่างกาย
ประโยชน์ของโยคะที่ช่วยลดออฟฟิศซินโดรม เพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อ เสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ช่วยพยุงท่าทาง กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ลดความเครียดทางจิตใจ
การฝึกโยคะ ไม่ได้หมายถึงว่า จะต้องทำท่ายาก หรือขั้นสูงเพียงอย่างเดียว เพียงแค่ทำท่าพื้นฐานในแบบที่เราทำได้ อยู่กับลมหายใจ ได้อยู่กับตัวเองแค่นี้…ก็ถือว่าเราได้ฝึกโยคะแล้วล่ะครับ
ครูหลง
Renew Studio
