คุณเคยรู้สึกไหมว่าจิตใจของเราบางครั้ง เหมือนมีกระแสความคิดที่ไม่หยุดนิ่ง พาเราไหลไปกับความวิตกกังวล หรือบางครั้งก็หมกมุ่นอยู่กับอดีต หรือกังวลอนาคต จนลืมความสุขในปัจจุบัน
หลายคนอาจมองว่าโยคะคือ การฝึกท่าทาง การยืดเหยียดร่างกาย แต่จริง ๆ แล้วโยคะคือ การฝึกใจผ่านการฝึกร่างกาย
ท่านปตัญชลี ผู้รวบรวมศาสตร์ของโยคะ ได้อธิบายว่า ” โยคะ จิตตะ วฤติ นิโรธะ” หรือ โยคะ เป็นไปเพื่อดับการปรุงแต่งของจิต
ซึ่งหมายถึง การนำพาจิตใจของเรา ให้หยุดไหลไปตามความคิดที่ปรุงแต่ง และกลับมาสู่ความสงบที่แท้จริง
การฝึกอาสนะ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและยืดหยุ่น แต่ยังเป็นการฝึกจิตใจ ให้มีสมาธิ และสร้างความรู้สึกตัว (Awareness) ในปัจจุบัน
เมื่อเราเคลื่อนไหวช้า ๆ ไปพร้อมกับลมหายใจ เราจะเริ่มรู้สึกว่า ความคิดที่เคยฟุ้งซ่านค่อย ๆ น้อยลง
การฝึกปราณายามะ คือการฝึกลมหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ และมีสติ ช่วยปรับสมดุลระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System)
เมื่อจิตใจสงบ ระบบประสาทพาราซิมพาเธติก (Parasympathetic Nervous System) จะทำงาน ช่วยลดความเครียด และสร้างความผ่อนคลาย
การฝึกโยคะมีผลต่อสมองโดยตรง โดยเฉพาะสมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ การใช้เหตุผล และศีลธรรม
เมื่อเราฝึกโยคะ สมองส่วนนี้จะทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้เราสามารถควบคุมอารมณ์และตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
อีกส่วนที่ได้รับผลดีจากการฝึกโยคะคือ ไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งควบคุมอารมณ์และความรู้สึกต่างๆ
การฝึกโยคะช่วยปรับสมดุลการหลั่งฮอร์โมน ช่วยลดความวิตกกังวลและสร้างความสุขจากภายใน
เมื่อเราฝึกโยคะอย่างต่อเนื่อง จะพบว่าทัศนคติและวิถีชีวิตของเราเริ่มเปลี่ยนแปลงไป เราอาจหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เลือกกินอาหารที่ดีต่อร่างกาย รู้จักพักผ่อนอย่างเต็มที่
และให้ความสำคัญกับการดูแลจิตใจ ความสงบที่ได้จากการฝึกโยคะ จะทำให้เรารู้สึกอยากให้ความเมตตาต่อตนเองและผู้อื่นมากขึ้น
แล้วคุณจะค้นพบว่าความสุขที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องไปหาที่ไหนไกล แต่อยู่ที่การหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ยาว ๆ และรู้สึกตัวอยู่กับปัจจุบันนี้เอง
ครูหลง
Renew studio