ทุกวันนี้เรามีเทคโนโลยีมากมาย เข้ามาช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น แต่ใจเรากลับเหนื่อยมากกว่าเดิม?

เราอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลเข้ามาทุกวินาที โลกหมุนเร็วขึ้นจนเราแทบไม่มีเวลาหยุดเพื่อฟังเสียงของตัวเอง บางคนหลงทางอยู่ในความสำเร็จภายนอก แต่หลงลืมความสงบภายใน คำถามคือ…เราจะดูแลตัวเองยังไงให้ไปรอดทั้งกายและใจ? แล้วโยคะช่วยอะไรเราได้จริงหรือ?



โยคะอาจถูกมองว่าเป็นเพียงการออกกำลังกาย แต่หากเรามองลึกไปกว่านั้น จะเห็นว่าโยคะคือศาสตร์โบราณที่ ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ



คำว่า “โยคะ” มาจากภาษาสันสกฤต “โยค” (Yoke) ที่แปลว่า “การรวม” หมายถึงการรวมกาย จิต และจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ผ่านการฝึกที่มีเป้าหมายเพื่อ “สมดุล”

ในโลกที่เราถูกกดดันให้ทำทุกอย่างให้เร็วขึ้น ดีขึ้น เพอร์เฟ็กต์ขึ้น โยคะจึงกลายเป็นพื้นที่แห่งการพักใจ เป็นเวลาที่เราไม่ต้องแข่งขันกับใคร เป็นโอกาสที่ได้กลับมา “อยู่กับตัวเอง” อย่างแท้จริง



โยคะไม่ได้เป็นแค่การยืดเหยียด หรือโชว์ท่ายาก ๆ แต่คือ “การฝึกที่ลึกกว่ารูปร่าง” และนี่คือ 3 แก่นหลักของโยคะที่ช่วยฟื้นฟูทั้งกายและใจ

1. อาสนะ (Asana): การฝึกท่าทางที่ถูกต้องตามหลักกายภาพ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ยืดหยุ่น และปรับสมดุลระบบกล้ามเนื้อ–กระดูก เหมาะกับทุกวัย ทุกเพศ แม้คุณจะเริ่มต้นจากศูนย์

2. ปราณายามะ (Pranayama):การควบคุมลมหายใจอย่างมีสติ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ช่วยปรับสมดุลระหว่างระบบซิมพาเทติก (กระตุ้น) และพาราซิมพาเทติก (ผ่อนคลาย) เมื่อหายใจดี ร่างกายจะผ่อนคลาย จิตใจก็สงบลง

3. สมาธิ (Meditation): คือการฝึก “กลับมาอยู่กับลมหายใจ” กลับมาอยู่กับปัจจุบัน โยคะจึงไม่ใช่แค่การดูแลร่างกาย แต่เป็นการขัดเกลาจิตใจให้เบาลง และใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด


โยคะยังช่วยลดฮอร์โมนเครียดในร่างกาย เช่น คอร์ติซอล และกระตุ้นฮอร์โมนที่สร้างความสุข เช่น เซโรโทนิน โดพามีน ซึ่งส่งผลให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย มีสมาธิ และมีความสุขจากภายใน



โยคะไม่ได้แค่ช่วยให้ “ทำท่ายากขึ้น” แต่ช่วยให้คุณ “ฟังร่างกายได้ดีขึ้น” ไม่ได้แค่ช่วยให้ “ยืดหยุ่นกล้ามเนื้อ” แต่ช่วยให้ “ยืดหยุ่นทางใจ”

โลกภายนอกอาจยังคงวุ่นวาย แต่ภายในใจของคุณสามารถนิ่งสงบได้ แค่เราหยุด หายใจลึก และเริ่มต้นดูแลตัวเองจากภายใน

ครูหลง😄
Renew studio