ในยุคที่ความเร่งรีบ กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน หลายคนอาจรู้สึกเหมือนกำลังวิ่งไล่ตามสิ่งต่างๆ โดยไม่มีเวลาหยุดพักทั้งกายและใจ เราอาจจะรู้จักโยคะ ในฐานะที่เป็นเพียงการฝึกฝนทางร่างกาย (Asana)
แต่มากไปกว่านั้น โยคะยังเป็นปรัชญาการใช้ชีวิตที่ลึกซึ้งและครอบคลุมผ่าน “มรรค 8” หรือ “8 Limbs of Yoga” ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ กับวิถีชีวิตในปัจจุบันได้อย่างลงตัว
1. ยมะ (Yama) หลักการควบคุมตนเอง
ยมะ เป็นข้อปฏิบัติทางศีลธรรม 5 ประการ ได้แก่ อหิงสา(Ahimsa) การไม่เบียดเบียน ,สัตยา(Satya) ซื่อสัตย์, อัสเตยะ(Asteya)การไม่ลักทรัพย์, พรหมจรรย์ (Brahmacharya) การยับยั้งชั่งใจ และ อปริครหะ (Aparigraha) ความไม่โลภ
ในชีวิตประจำวัน ยมะสามารถนำมาใช้ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การลดความโลภ และการฝึกจิตใจให้ปล่อยวาง ในการทำงานเราอาจฝึก “สัตยา” โดยการสื่อสารอย่างตรงไปตรงมา หรือฝึก “อปริครหะ ” โดยลดการซื้อของที่ไม่จำเป็น ประเภทของมันต้องมีลง
2. นิยามะ (Niyama) การควบคุมและดูแลตนเอง
นิยามะ เป็นข้อปฏิบัติเพื่อพัฒนาตนเอง 5 ประการ ได้แก่ เศาจะ (Saucha) ความสะอาด ความบริสุทธิ์, สันโดษ (Santosha) ความพอใจ, ตบะ (Tapas) ความพากเพียร, สวาธยายะ (Svadhyaya) การศึกษาตนเองหรือการหาความรู้, อิศวรประณิธาน(Isvarapranidaha)
การมอบหมายตนต่อสิ่งสูงสุด
การฝึก “สันโตสะ” สามารถช่วยให้เรามีความสุขกับชีวิตปัจจุบัน ลดความรู้สึกอยากได้อยากมีอย่างไม่สิ้นสุด การฝึก “ตปัส” ช่วยให้เราผ่านพ้นความยากลำบากในการทำงาน หรือความท้าทาย หรือดราม่าต่าง ๆ ได้ด้วยความอดทน
3. อาสนะ (Asana) การฝึกท่าทางร่างกาย
อาสนะ หรือการฝึกท่าทางร่างกาย เพื่อให้เกิดความมั่นคง สมดุลทั้งร่างกายและใจแข็ง ตามคำกล่าวของท่าน Patanjali “สถิระ สุขขัม อาสนะนัม (Sthiram Sukham Asanam)” ที่ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง และความยืดหยุ่นของร่างกาย แต่ยังเป็นการฝึกสมาธิและการรับรู้ถึงสภาวะของตนเองในชีวิตปัจจุบัน และจุดเริ่มต้นของการพัฒนาต่อไปในทางจิตวิญญาณ
การนั่งทำงานนานๆ อาสนะสามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อย และเพิ่มพลังชีวิตได้เช่น ท่า “Adho Mukha Svanasana” (Downward-Facing Dog) ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังและขา หรือท่า “Tadasana” (Mountain Pose) ช่วยให้เรายืนอย่างมั่นคงและฝึกการหายใจอย่างสมดุล และควรฝึกอาสนะอย่างเหมาะสมกับร่างกาย ฝึกอย่างค่อยเป็นค่อยไป
4. ปราณยามะ (Pranayama) การฝึกลมหายใจ
ปราณายามะ หมายถึงการควบคุมลมหายใจ ช่วยปรับสมดุลระบบประสาท ลดความเครียด และเพิ่มสมาธิ
เมื่อมีความเครียดวิตกกังวล หรือก่อนทำงานสำคัญ ๆ ลองหายใจเข้าลึก ๆ และหายใจออกยาว ๆ ช่วยให้จิตใจสงบและเพิ่มความมั่นใจได้
5. ปรัตยาหาระ (Pratyahara): การควบคุมประสาทสัมผัส
ปรัตยาหาระคือการถอนประสาทสัมผัสออกจากสิ่งเร้าภายนอก รูป รส กลิ่น เสียง
เช่นการลดการใช้โซเชียลมีเดีย หรือการพักจากสิ่งที่ทำให้เกิดความเครียด ช่วยให้เรามีเวลาในการทบทวนตนเองและรับรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของจิตใจ การปิดโทรศัพท์มือถือก่อนนอน หรือการใช้เวลาเงียบๆ ในการทำสมาธิ จะช่วยให้จิตใจผ่อนคลายและนอนหลับได้ดีขึ้น
6. ธารณะ (Dharana): การมีสมาธิจดจ่อ
ธารณะ คือการมุ่งมั่นจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น การจดจ่อกับลมหายใจ เสียง หรือการทำกิจกรรมอย่างมีสติ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดการฟุ้งซ่าน
การฝึกจิตในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น ก่อนเริ่มงานแต่ละวัน ลองตั้งสมาธิและตั้งจุดประสงค์ของวันนั้นๆ จะช่วยให้เรามีทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน
7. ธยานะ (Dhyana): การทำสมาธิอย่างลึกซึ้ง
ธยานะ คือการทำสมาธิอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นที่จิตสงบและรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเองและสิ่งรอบข้าง ช่วยให้เรามีความสุขจากภายใน และสามารถเผชิญกับความทุกข์ได้ด้วยความเข้าใจ ฝึกสมาธิวันละ 5-10 นาที ช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย
8. สมาธิ (Samadhi): การเข้าถึงสภาวะสูงสุดของจิต
สมาธิ เป็นขั้นสุดท้ายของมรรค 8 ที่เป็นการเข้าถึงสภาวะแห่งความสงบลึกซึ้ง เป็นการรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล แม้ในชีวิตประจำวันเราอาจไม่สามารถเข้าถึง “สมาธิ” ในระดับสูงสุดได้ แต่เราสามารถฝึกฝนให้จิตใจสงบและปล่อยวางได้มากขึ้น
การนำวิถีของโยคะ (8 Limbs of Yoga) มาใช้กับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน ไม่เพียงช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย แต่ยังช่วยให้เราสามารถรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันได้อย่างมั่นคงและสงบ การฝึกฝนโยคะอย่างครบถ้วนทั้งร่างกายและจิตใจ จะทำให้เราเข้าถึงสภาวะที่สมดุลและพบความสุขที่ยั่งยืนจากภายใน
ครูหลง
Renew studio