ตอนเช้าหรือตอนเย็น… เวลาไหนดีที่สุดสำหรับการฝึกโยคะ?

…บางคนตื่นเช้า มาพร้อมความกระตือรือร้น ต้องการเติมพลัง

…บางคนชอบใช้เวลาช่วงเย็น ปลดปล่อยความเครียดหลังเลิกงาน

แต่…เราควรเลือกเวลาไหนดี?

ความจริงก็คือ “ไม่มีคำตอบเดียวที่ใช้ได้กับทุกคน” แต่การเข้าใจจังหวะของร่างกาย และธรรมชาติของการฝึก ในแต่ละช่วงเวลาจะช่วยให้เราเลือกเวลาฝึกโยคะ ที่เหมาะกับเราได้



เข้าใจความต่างของร่างกายระหว่าง “เช้า” กับ “เย็น”

ตอนเช้า: เวลาของความนิ่ง ความสดใหม่ และการตั้งต้นใหม่

-ร่างกายหลังตื่นนอนจะอยู่ในภาวะ “สงบ” และยังไม่ถูกรบกวนด้วยความเร่งรีบ

-กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และระบบไหลเวียนเลือดยังอยู่ในโหมด “พักผ่อน”

-การฝึกโยคะช่วงเช้าช่วย “ปลุก” ระบบต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานอย่างสมดุล

-จิตใจยังไม่ถูกรบกวนด้วยข้อมูลจากภายนอก



ตอนเย็น: เวลาของการคลายความตึงสะสม และการคืนสมดุล

-หลังจากวันอันยาวนาน ร่างกายผ่านการเคลื่อนไหว การนั่งทำงาน หรือความเครียด

-กล้ามเนื้ออาจเกิดความตึงสะสม ข้อต่ออาจติดขัด

-การฝึกโยคะช่วงเย็นเหมือนการ “ปลดล็อก” ความตึงและคลายความเหนื่อยล้า ร่างกายและจิตใจต้องการเตรียมตัวเข้าสู่การพักผ่อน



ข้อดีของการฝึกโยคะตอนเช้า

1.ช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและระบบหายใจ ท่าโยคะที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้หัวใจเต้นเป็นจังหวะ เพิ่มออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง และอวัยวะต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

2.เสริมสร้างวินัยและความตั้งมั่น การตื่นมาฝึกโยคะตอนเช้าทุกวันเป็นเหมือนการตั้งต้นวันที่ดี ร่างกายและจิตใจจะค่อย ๆ ซึมซับความมีวินัย ส่งผลต่อพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

3.ฝึกแบบอาสนะที่กระตุ้นพลังงานได้ดี ท่าอย่าง Sun Salutation (Surya Namaskar) หรือท่าที่เปิดอก เปิดสะโพก จะช่วยให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่น มีพลัง พร้อมสำหรับภารกิจตลอดวัน

4.จิตใจสงบ มีสมาธิ ตอนเช้าคือเวลาที่จิตยังไม่ถูกรบกวน การฝึก Pranayama และสมาธิช่วงนี้ จะช่วยให้เกิดความนิ่งและสมาธิได้ง่าย



ข้อดีของการฝึกโยคะตอนเย็น

1.คลายความเครียดและความตึงของกล้ามเนื้อ ท่าที่เน้นการยืดเหยียด เช่น Forward Fold, Supine Twist ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว และลดอาการปวดจากการนั่งทำงานทั้งวัน

2.ลดระดับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) การฝึกโยคะแบบช้า ลึก เน้นลมหายใจ มีผลต่อระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic Nervous System) ซึ่งเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการพักผ่อนและฟื้นฟูร่างกาย ช่วยให้ร่างกายเข้าสู่โหมดผ่อนคลาย

3.นอนหลับดีขึ้น เมื่อร่างกายและจิตใจได้รับการปรับสมดุลก่อนนอน ระบบการนอนหลับจะทำงานได้ดีขึ้น หลับลึกขึ้น ตื่นมาสดชื่นกว่าเดิม

4.เหมาะกับคนที่ไม่ถนัดตื่นเช้า บางคนรู้ตัวว่าตอนเช้าไม่ใช่เวลาที่สดชื่น การฝึกโยคะช่วงเย็นจะเป็นการตอบโจทย์ และไม่ฝืนธรรมชาติของตัวเอง

5.ฝึกอย่างอ่อนโยนช่วยให้หลับง่ายขึ้น หรือถ้าใครฝึกตอนเย็นแล้วรู้สึกว่านอนไม่หลับ ลองสังเกตตัวเองดูว่า…ระหว่างฝึกเรา “หายใจถี่เกินไปไหม?” บางครั้งแม้จะฝึกท่าที่ดูช้า แต่จังหวะลมหายใจกลับเร็ว หรือใช้พลังมากเกินไปโดยไม่รู้ตัว ลองปรับลมหายใจให้ “ช้าลง ลึกขึ้น”

การฝึกแบบนี้จะช่วยให้ร่างกายเปลี่ยนโหมด จาก “ตื่นตัว” สู่ “พักผ่อน” ได้ดีขึ้น เมื่อเราหายใจช้าลง ลึกขึ้น และฝึกโยคะอย่างผ่อนคลายระบบประสาทพาราซิมพาเทติกจะทำงานได้ดี ส่งผลให้หัวใจเต้นช้าลง กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น หลับลึกขึ้น และพักผ่อนได้อย่างแท้จริง



แล้วเวลาไหนหละ “เหมาะกับคุณ”?

ถ้าเป้าหมายของคุณคือ “เติมพลัง-สร้างวินัย-ตั้งต้นวันใหม่” → เช้าอาจจะเหมาะ
แต่ถ้าคุณต้องการ “ปลดปล่อย-พักกายใจ-คืนสมดุลหลังความเหนื่อยล้า” → เย็นอาจจะดีกว่า



สิ่งสำคัญกว่านั้นอาจไม่ใช่ช่วงเวลาเช้าหรือเย็น แต่คือการที่เราพาตัวเองมาอยู่บนเสื่อโยคะ บางวันเราอาจตื่นมาฝึกตอนเช้า บางวันอาจต้องรอให้เลิกงาน แต่นั่นก็ยังดีกว่าการไม่ฝึกเลย

ครูหลง😄
Renew studio