จะมีอะไรสุขไปกว่าการที่เราสามารถลุก นั่ง เดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว หนึ่งในทีมเบื้องหลังของการเคลื่อนไหวเหล่านั้นก็คือ “ข้อต่อ” (Joint) ต่าง ๆ ของร่างกาย ที่เป็นเหมือนบานพับที่เชื่อมกระดูกแต่ละชิ้นเข้าด้วยกัน
.

ในร่างกายของมนุษย์มีข้อต่ออยู่ประมาณ 360 จุด แบ่งออกเป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับรูปแบบการเคลื่อนไหว เช่น

-ข้อต่อแบบบานพับ (Hinge Joint): เช่น ข้อเข่า ข้อศอก

-ข้อต่อแบบลูกบอลและเบ้า (Ball and Socket Joint): เช่น ข้อไหล่ ข้อสะโพก

-ข้อต่อแบบหมุน (Pivot Joint): เช่น ข้อต่อกระดูกสันหลังส่วนคอ

-ข้อต่อแบบเลื่อน (Gliding Joint): เช่น ข้อมือ ข้อเท้า

ภายในข้อต่อมีองค์ประกอบสำคัญ เช่น

-กระดูกอ่อน (Cartilage): ช่วยลดแรงเสียดทาน

-น้ำไขข้อ (Synovial Fluid): หล่อลื่นให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้สะดวก

-เอ็นและพังผืด: ช่วยพยุงและรักษาแนวข้อต่อให้มั่นคง

.

ข้อไหล่ และข้อสะโพก ข้อต่อที่สำคัญของร่างกาย

ข้อไหล่เป็นข้อต่อที่เคลื่อนไหวได้มากที่สุดในร่างกาย แต่ก็เป็นจุดที่ “หลวม” ที่สุดเช่นกัน เพราะออกแบบมาให้เคลื่อนไหวได้รอบทิศ หากกล้ามเนื้อรอบข้อไหล่อ่อนแรง หรือใช้งานไม่สมดุล จะเกิดอาการเจ็บ ปวด หรือเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่น ไหล่ติด หรือเอ็นฉีกขาด

ข้อสะโพกคือฐานสำคัญของร่างกาย เป็นข้อต่อที่ต้องรับน้ำหนักตัวแทบตลอดเวลา หากข้อสะโพกไม่มั่นคง จะส่งผลถึงท่าทางการยืน เดิน นั่ง และการเคลื่อนไหวทั้งหมด การฝึกโยคะอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมความมั่นคงให้ข้อสะโพก ลดอาการปวดหลังส่วนล่าง และช่วยให้เราเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลขึ้น

.

โรคที่เกี่ยวข้องกับข้อต่อพบได้บ่อยในทุกช่วงวัย เช่น

-ข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis): ข้อเข่าบวม เจ็บ ฝืดตึง

-ข้อไหล่ติด (Frozen Shoulder): ยกแขนลำบาก ขยับแล้วเจ็บ

-ข้อสะโพกหลวม:ทำให้เกิดความไม่มั่นคงเวลายืนหรือเดิน

-รูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis): ระบบภูมิคุ้มกันโจมตีข้อต่อ ทำให้เกิดอักเสบเรื้อรัง

นอกจากความเสื่อมของข้อต่อตามอายุแล้ว ปัญหาของข้อต่อยังเกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมซ้ำ ๆ ที่ข้อต่อไม่ได้เคลื่อนไหวในมุมที่เหมาะสม หรือถูกใช้งานอย่างไม่สมดุลเป็นเวลานาน

.

การดูแลข้อต่อ ด้วยการปรับการใช้ร่างกายในชีวิตประจำวัน เช่น

-เปลี่ยนอิริยาบถบ่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่นั่งทำงานหน้าคอมทั้งวัน

-เลี่ยงท่าทางที่ทำให้ข้อต่อผิดแนว เช่น นั่งไขว่ห้าง ยกของแบบหลังค่อม

-เสริมกล้ามเนื้อรอบข้อต่อ ด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ หรือเดิน

-ฝึกการเคลื่อนไหวที่ควบคุมได้ (Controlled Movement) แทนการเคลื่อนไหวเร็ว ๆ แบบกระชาก

.

โยคะสามารถดูแลข้อต่อได้อย่างไรบ้าง

-เพิ่มช่วงการเคลื่อนไหว (ROM) อย่างปลอดภัย

-กระตุ้นการสร้างน้ำไขข้อ ให้หล่อลื่นการเคลื่อนไหว

-เสริมสร้างกล้ามเนื้อพยุงข้อ ให้มั่นคง

-ปรับท่าทางให้เป็นธรรมชาติ ลดแรงกดต่อข้อต่อ

-ช่วยฟื้นฟูอาการอักเสบ หรือข้อยึดติดจากการใช้งานซ้ำ ๆ

โยคะยังมีสิ่งหนึ่งที่แตกต่างจากการออกกำลังกายอื่น ๆ คือ การเคลื่อนไหวข้อต่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ด้วยความเร็ว หรือแรงกระชาก



การนำข้อต่อกลับสู่ศูนย์กลาง (Joint Centered) หัวใจของการเคลื่อนไหวอย่างปลอดภัย

การฝึกโยคะ หรือการออกกำลังกายใด ๆ ก็ตาม หากไม่มี “การจัดแนว” ที่ดี ข้อต่อจะรับแรงที่ไม่เหมาะสม นานวันเข้าอาจเกิดการบาดเจ็บ การเคลื่อนไหวแบบ “นำข้อต่อกลับสู่ศูนย์กลาง” (Joint Centered Movement) หมายถึงการให้ข้อต่ออยู่ในแนวที่เหมาะสมในการรับแรงและส่งแรง

การนำข้อต่อกลับเข้าสู่ศูนย์กลาง ช่วยให้ กล้ามเนื้อทำงานอย่างประสานกัน ลดแรงกดที่กระดูกและข้อต่อ เคลื่อนไหวได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย เพิ่มคุณภาพการฝึก และลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บ

.

การฝึกโยคะ คือเวลาที่เราได้ฟัง ได้ดูแล ได้ฟื้นฟูร่างกาย จากข้อต่อที่เคยติดขัด ข้อต่อที่เคยปวด ข้อต่อที่เคยถูกละเลย… จะค่อย ๆ กลับมาด้วยการฝึกอย่างใส่ใจ

ครูหลง😄
Renew Studio