
ในวันที่โลกหมุนเร็วขึ้นทุกวัน เรามักใช้เวลาอยู่กับสิ่งรอบตัวมากกว่าสิ่งที่อยู่ข้างในตัวเราเอง เราก้มดูหน้าจอมากกว่ามองหน้าเพื่อน พูดตอบข้อความเร็วกว่าตอบสนองความรู้สึกของหัวใจ จนบางครั้งใจของเราไปอยู่กับสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้อยู่กับตัวเองเลย
โยคะในแนวทางดั้งเดิมไม่ได้สอนให้เราแค่ขยับร่างกาย แต่สอนให้เราฝึก “ใจ” ให้ตั้งมั่น นิ่ง และรู้ ภาวะที่เรียกว่า ฌานะ (Dhyana)
ฌานะ (Dhyana) หมายถึง การมีสมาธิ หรือภาวะจิตนิ่งอย่างต่อเนื่อง คือภาวะแห่งการดำรงอยู่ที่เข้าถึงความตระหนักรู้ในตนเอง หรือจิตวิญญาณของผู้ปฏิบัติ อย่างไม่มีสิ่งรบกวน ทำให้จิตใจนิ่ง สงบ และหลุดพ้นจากความยึดติด
.
มาจากคำภาษาสันสกฤต “dhi” (จิตใจ หรือภาชนะ) และ “yana” (การเคลื่อนไหว) หรืออาจมาจากคำว่า “dhyai” (การคิดถึง)
แตกต่างจาก Dharana ซึ่งคือการยึดจิตให้มั่นคงกับวัตถุเดียว แต่ในฌานนั้น จิตจะ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับวัตถุนั้น อย่างเป็นธรรมชาติ และกระแสจิตจะไหลต่อเนื่องไปอย่างไม่ขาดตอน
.
เป็นสภาวะที่จิตสงบ นิ่ง และปราศจากการปรุงแต่ง ทำให้เกิดความรู้สึกปลดปล่อยและขยายตัว ช่วยให้จิตสงบ สมาธิแน่นขึ้น และเป็นเครื่องมือในการค้นหาความรู้เกี่ยวกับตนเองและการตระหนักรู้ในตนเอง
ฌานะ เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการโยคะ ที่เชื่อมโยงการรับรู้ที่แยกจากกันเข้าด้วยกัน กลายเป็นหนึ่งเดียวกับความเป็นจริงสูงสุด (พรหมัน)
.
เป็นขั้นที่ 7 ของเส้นทางโยคะ 8 ขั้น (Ashtanga Yoga) ที่ปราชญ์ปตัญชลี (Patañjali) กล่าวไว้ใน Yoga Sutra
ซึ่งเริ่มจาก ยามะ (Yama) > นิยามะ (Niyama) > อาสนะ (Āsana) > ปราณายามะ (Prāṇāyāma) > ปรัตยาหาระ (Pratyāhāra) > ธารณะ (Dhāraṇā) > ฌานะ (Dhyāna) > สมาธิ (Samādhi)
หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่าย ๆ
ธารณะ คือ “การจ้องเทียน”
ฌานะ คือ “การมองเห็นแสงเทียนโดยไม่ต้องพยายามจ้อง”
และ สมาธิ (Samādhi) คือ “การเป็นแสงเทียนนั้นเสียเอง”
ในภาวะฌานะ จิตจะไม่กระโดดไปมา ไม่จมอยู่ในอดีต หรือหลงไปกับอนาคต แต่ “ตั้งมั่นอยู่กับปัจจุบัน” อย่างเต็มที่ โดยไม่มีการแทรกแซงของอัตตา
.
ในยุคที่เสียงรบกวนมีอยู่ทุกที่ ทั้งจากภายนอกและภายใน การเข้าถึง “ฌานะ” อาจดูเหมือนเรื่องยาก แต่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องขึ้นเขาหรือเข้าถ้ำ เพราะ “ฌานะ” สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกลมหายใจ หากเรารู้จัก “อยู่กับสิ่งที่ทำ” อย่างแท้จริง
1. เริ่มจากการรู้ลมหายใจ (Breath Awareness) ก่อนจะเข้าสู่สมาธิได้ ร่างกายต้องนิ่ง และลมหายใจต้องราบรื่น การสังเกตลมหายใจเข้าออก โดยไม่ต้องควบคุม คือการเริ่มต้นของฌานะ เมื่อจิตนิ่ง เราจะเริ่มเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในใจชัดเจนขึ้น
2. สังเกตโดยไม่ตัดสิน (Observation without Judgment) ฌานะไม่ใช่การขับไล่ความคิด แต่คือการ “รู้ว่าความคิดกำลังเกิด” เมื่อเรารู้ว่า “ตอนนี้กำลังคิด” จิตจะค่อย ๆ ถอยออกจากความคิดนั้น เหมือนเรายืนมองเมฆที่ลอยผ่านไป โดยไม่ต้องผลักหรือดึงมันกลับ
3. อยู่กับการกระทำในแต่ละขณะ (Mindful Living) ฌานะไม่จำเป็นต้องเกิดบนเบาะสมาธิเท่านั้น มันสามารถเกิดขึ้นได้ในตอนเราล้างจาน เดิน วิ่ง หรือฝึกโยคะ หากเราทำสิ่งนั้นด้วยความรู้ตัวทุกขณะ
4. ใช้โยคะเป็นสะพานสู่ฌานะ อาสนะ (Asana) ไม่ได้มีไว้เพื่อความยืดหยุ่นของร่างกายเท่านั้น แต่เพื่อเตรียมกายให้พร้อมสำหรับ “การนั่งนิ่ง” เมื่อกล้ามเนื้อ คลาย ความตึงลด ระบบประสาทอัตโนมัติสงบลง จิตจะเข้าสู่สภาวะที่พร้อมต่อการภาวนา
ภาวะของ “ฌานะ” ไม่ได้เปลี่ยนแค่ความรู้สึก แต่เปลี่ยนระบบภายในของเราได้อีกด้วย
-ร่างกายเปลี่ยน : เมื่อสมองเข้าสู่คลื่นอัลฟาและทีต้า (Alpha & Theta waves) ระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic nervous system) จะทำงานเด่นขึ้น หัวใจเต้นช้าลง ความดันลดลง ฮอร์โมนความเครียดลดลง ร่างกายเข้าสู่ภาวะ “ฟื้นฟู” มากกว่า “ต่อสู้หรือหนี”
-จิตใจเปลี่ยน : ฌานะทำให้เรามองโลกด้วยใจที่สงบ เห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างที่มันเป็น ไม่ใช่ผ่านกรอบของความกลัวหรือความอยาก ความคิดเชิงลบจะมีอำนาจน้อยลง เพราะใจไม่ถูกพัดพาไปกับมัน
-พฤติกรรมเปลี่ยน : เมื่อภายในนิ่ง การตัดสินใจภายนอกก็ชัดขึ้น เราจะตอบสนอง (Respond) แทนที่จะรีบ “ตอบโต้” (React) ความสัมพันธ์กับผู้อื่นจะอ่อนโยนขึ้น เพราะเราเริ่มฟังด้วย “ใจที่ไม่ตัดสิน”
-คุณภาพชีวิตเปลี่ยน : การฝึกฌานะอย่างต่อเนื่อง ทำให้สมองส่วน prefrontal cortex แข็งแรงขึ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจดจ่อ ความจำ และการตัดสินใจ ในขณะเดียวกัน amygdala ซึ่งเกี่ยวข้องกับความกลัวและความเครียด จะสงบลง ผลคือ เรามี “พื้นที่ระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้น กับสิ่งที่เราจะเลือกทำ” พื้นที่เล็ก ๆ นี้เอง ที่เรียกว่า “อิสรภาพของใจ”
.
เมื่อเราฝึกฌานะบ่อย ๆ เราจะเริ่มเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องมีเวลานั่งเงียบ ๆ เสมอไป เพื่อจะเข้าถึงภาวะนั้น เพราะ “สมาธิ” ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่เรานั่งหลับตา แต่มันอยู่ในทุกช่วงเวลาที่เรารู้ตัว
เมื่อเราหายใจอย่างรู้ตัว เรากำลังอยู่ในฌานะ
เมื่อเราฟังคนตรงหน้าอย่างตั้งใจ โดยไม่คิดขัด เรากำลังอยู่ในฌานะ
เมื่อเราฝึกโยคะอย่างรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวทุกส่วน เรากำลังอยู่ในฌานะ
ฌานะจึงอาจไม่ใช่สิ่งที่เราต้อง “ไปถึง” แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถ “กลับมาเจอ” ได้เสมอ ภายในตัวเรานี่เอง
ครูหลง![]()
Renew Studio
